แชร์

เด็กสมาธิสั้นจริงไหม? หรือแค่ต้องปรับวิธีสอน

อัพเดทล่าสุด: 14 มิ.ย. 2025
59 ผู้เข้าชม

เด็กสมาธิสั้นจริงไหม? หรือแค่ต้องปรับวิธีสอน

 

ในยุคที่เด็กต้องเผชิญกับข้อมูลจำนวนมาก ความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี และรูปแบบการเรียนที่เร่งรีบ ทำให้มีเด็กจำนวนไม่น้อยที่ถูกมองว่า "สมาธิสั้น" แต่คำถามสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่และครูควรตั้งคือ เด็กเหล่านั้นสมาธิสั้นจริงหรือไม่? หรือเป็นเพียงเด็กที่ต้องการรูปแบบการสอนที่เหมาะสมกับตัวเองมากกว่าเดิม? บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจแนวคิดใหม่เกี่ยวกับการวินิจฉัยสมาธิสั้นในเด็ก และการปรับเปลี่ยนวิธีสอนที่อาจช่วยให้เด็กเรียนรู้ได้ดีขึ้นโดยไม่ต้องใช้การตีตรา

 

ความหมายของสมาธิสั้นในเด็ก

"เด็กสมาธิสั้น" หรือ Attention-Deficit/Hyperactivity Disorder (ADHD) เป็นภาวะที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมไม่อยู่นิ่ง ขาดสมาธิ และมีอาการวอกแวกง่าย ซึ่งมักส่งผลต่อการเรียนรู้และความสัมพันธ์ทางสังคม อย่างไรก็ตาม การวินิจฉัยว่าบุคคลใดมีภาวะนี้จริงๆ จำเป็นต้องอาศัยการประเมินจากผู้เชี่ยวชาญทางจิตวิทยาเด็กและพฤติกรรม ไม่สามารถอ้างอิงจากพฤติกรรมบางอย่างได้เพียงอย่างเดียว

อาการที่สังเกตได้

     - ไม่สามารถนั่งนิ่งได้นาน
     - ขาดสมาธิ ฟังไม่จบประโยค
     - มักเผลอพูดแทรกหรือตอบคำถามก่อนฟังจบ
     - ลืมทำการบ้าน หรือทำของหายบ่อยๆ

 

 

เด็กสมาธิสั้นจริงหรือแค่เรียนแบบไม่เหมาะ?

หลายครั้งที่เด็กแสดงพฤติกรรมเหล่านี้ออกมาในสถานการณ์การเรียนรู้แบบเดิมที่เน้นให้นั่งฟังเป็นเวลานาน หรือใช้วิธีการสอนที่เน้นการจำมากกว่าการลงมือทำ เด็กบางคนจึงดูเหมือนไม่สนใจหรือวอกแวกง่าย แต่เมื่อได้ลองเปลี่ยนรูปแบบการเรียน เช่น การใช้กิจกรรม เล่นเกม หรือสื่อการสอนที่หลากหลาย เด็กเหล่านั้นกลับสามารถมีสมาธิและเรียนรู้ได้ดี

ตัวอย่างการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์ที่ช่วยเด็กมีสมาธิ

     - การใช้บัตรภาพประกอบเสียง
     - การเรียนผ่านการเล่นบทบาทสมมติ
     - การแบ่งเวลาเรียนเป็นช่วงสั้น ๆ สลับกับกิจกรรมพัก
     - การให้เด็กมีส่วนร่วมในกระบวนการคิดหรือสร้างผลงาน

 

 

ปรับวิธีสอนเพื่อให้เหมาะกับเด็กแต่ละคน

เด็กแต่ละคนมีสไตล์การเรียนรู้แตกต่างกัน การยึดวิธีการสอนแบบเดียวสำหรับนักเรียนทั้งหมดอาจไม่เพียงพอสำหรับเด็กบางคน โดยเฉพาะเด็กที่ต้องการการกระตุ้นทางประสาทสัมผัสเพิ่มเติม

เทคนิคการสอนที่ตอบโจทย์
     - การสอนแบบใช้หลายประสาทสัมผัส (Multisensory Learning) เช่น การใช้เสียง ดนตรี การเคลื่อนไหวประกอบ
     - การตั้งคำถามปลายเปิด (Open-ended Questions) ช่วยกระตุ้นให้เด็กคิดและแสดงความเห็น
     - การให้โอกาสทำซ้ำ (Repetition and Routine) เด็กบางคนต้องใช้เวลาและการทำซ้ำเพื่อเรียนรู้
     - การสร้างพื้นที่ปลอดภัยในการเรียนรู้ (Safe Learning Space) เด็กจะกล้าทดลองและแสดงออกมากขึ้น

 

 

พ่อแม่มีบทบาทสำคัญอย่างไร?

คุณพ่อคุณแม่เป็นผู้สังเกตพฤติกรรมลูกได้ดีที่สุด หากสงสัยว่าลูกมีสมาธิสั้น ควรเริ่มจากการปรับเปลี่ยนวิธีดูแล เช่น ลดเวลาหน้าจอ เพิ่มเวลาเล่นกลางแจ้ง พูดคุยกับครูเพื่อหาวิธีปรับวิธีสอน ใช้เทคนิค Positive Reinforcement เช่น การให้คำชมเมื่อเด็กมีสมาธิ สร้างกิจวัตรประจำวันที่ช่วยให้เด็กมีกรอบที่แน่นอน

 

สมาธิสั้นไม่ใช่จุดอ่อน แต่คือโอกาสในการเข้าใจลูกมากขึ้น

หากเด็กได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น ADHD จริง ก็ยังมีวิธีการดูแลและสอนที่เหมาะสมโดยไม่ใช้การลงโทษ เพราะเด็กสมาธิสั้นไม่ได้ขาดความสามารถในการเรียนรู้ เพียงแต่ต้องการวิธีสอนและการสนับสนุนที่เหมาะสมเท่านั้น

กลยุทธ์ส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กสมาธิสั้น
     - ใช้ตารางกิจกรรมที่แน่นอนแต่ยืดหยุ่น
     - ให้ภารกิจเป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อไม่ให้รู้สึกกดดัน
     - หลีกเลี่ยงคำตำหนิที่ทำลายความมั่นใจ

 

 

ก่อนจะด่วนสรุปว่าเด็กสมาธิสั้น เราควรเปิดใจพิจารณาว่าอาจเป็นเพียงเพราะเขายังไม่เจอวิธีการเรียนที่เหมาะกับตนเอง การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงอาจไม่ได้อยู่ที่เด็ก แต่อยู่ที่วิธีที่เราสอนเขา การเข้าใจธรรมชาติของเด็กแต่ละคนอย่างลึกซึ้งจะช่วยให้เขาเติบโตอย่างมั่นใจ มีสมาธิ และมีความสุขกับการเรียนรู้

 

 

 

 

 


บทความที่เกี่ยวข้อง
อ่านหนังสือกับลูกทุกวันดีอย่างไร? ปลูกนิสัยรักการอ่าน สร้างอนาคตที่มั่นคงให้ลูก
ในยุคที่เทคโนโลยีและหน้าจอเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน การปลูกฝัง นิสัยรักการอ่าน ให้กับลูกอาจดูเหมือนเป็นภารกิจที่ท้าทาย แต่รู้หรือไม่ว่า เพียงแค่คุณพ่อคุณแม่สละเวลา “อ่านหนังสือกับลูก” วันละไม่กี่นาที ก็สามารถสร้างผลลัพธ์ที่น่าทึ่งต่อพัฒนาการของเด็กได้ในระยะยาว ไม่ใช่แค่เรื่องภาษา แต่การอ่านหนังสือกับลูกส่งผลถึง ความสัมพันธ์ในครอบครัว สติปัญญา ความมั่นใจ และแม้แต่ความสุขในชีวิตของลูก ได้อย่างน่าอัศจรรย์ บทความนี้จะพาคุณมาค้นพบว่า การอ่านหนังสือกับลูกทุกวันมีประโยชน์อย่างไร พร้อมคำแนะนำในการสร้างกิจวัตรนี้ให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตครอบครัว
21 มิ.ย. 2025
จัดมุมบ้านให้กลายเป็นพื้นที่การเรียนรู้สำหรับลูก
บ้านคือจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ของเด็กทุกคน ไม่ว่าจะเป็นทักษะการพูด การฟัง หรือการเข้าใจโลกรอบตัว การมี พื้นที่การเรียนรู้สำหรับเด็ก ภายในบ้าน เป็นมากกว่าการจัดหามุมนั่งโต๊ะทำการบ้าน เพราะมันคือการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อ พัฒนาการเด็ก ทั้งทางร่างกาย อารมณ์ และจิตใจอย่างเป็นระบบ พ่อแม่หลายคนอาจมองว่าการจัด มุมเรียนรู้ในบ้าน เป็นเรื่องยาก หรือจำกัดด้วยพื้นที่ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เพียงแค่เข้าใจหลักการและใส่ใจในการออกแบบ ก็สามารถเปลี่ยนมุมเล็ก ๆ ให้กลายเป็นพื้นที่แห่งแรงบันดาลใจและการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพได้
19 มิ.ย. 2025
เล่นแบบไหนช่วยพัฒนาสมองและความคิดสร้างสรรค์
การเล่นไม่ใช่แค่ความสนุก แต่เป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาสมองและความคิดสร้างสรรค์ของเด็ก เด็กๆ จะเรียนรู้ทักษะสำคัญหลากหลายผ่านการเล่น ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหา การคิดวิเคราะห์ ความยืดหยุ่นทางความคิด หรือแม้กระทั่งทักษะทางสังคม เช่น การแบ่งปันและการสื่อสาร บทความนี้จะพาคุณพ่อคุณแม่สำรวจว่า “เล่นแบบไหน” ที่ช่วยพัฒนาสมองและความคิดสร้างสรรค์ของลูกได้อย่างแท้จริง พร้อมแนวทางเลือกกิจกรรมหรือของเล่นที่ส่งเสริมพัฒนาการในทุกด้าน
17 มิ.ย. 2025
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy