สร้างความมั่นใจให้ลูกในช่วงเริ่มเรียนอย่างไรดี
อัพเดทล่าสุด: 24 ก.ค. 2025
296 ผู้เข้าชม

สร้างความมั่นใจให้ลูกในช่วงเริ่มเรียนอย่างไรดี
การเริ่มเรียนสำหรับเด็กไม่ว่าจะเป็นชั้นอนุบาล หรือการเปลี่ยนช่วงวัยไปสู่ระดับชั้นใหม่ ล้วนเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตเล็ก ๆ ของเขา บางคนรู้สึกตื่นเต้น แต่หลายคนกลับรู้สึกกลัว กังวล และไม่มั่นใจ บทความนี้จะช่วยพ่อแม่เข้าใจวิธีเสริมความมั่นใจให้ลูกอย่างยั่งยืน ผ่านการเตรียมตัวที่รอบด้านทั้งทางอารมณ์ พฤติกรรม และสภาพแวดล้อม เพื่อให้ลูกกล้า ก้าวออกไปเรียนรู้ และมีพลังบวกตั้งแต่วันแรกของการเรียน
เข้าใจธรรมชาติของเด็กช่วงเริ่มเรียน การร้องไห้ ไม่อยากไปโรงเรียน หรือเกาะพ่อแม่แน่นในวันแรก เป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นได้ทั่วไปในเด็กวัยเริ่มเรียน เด็กกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทั้งคนแปลกหน้า สภาพแวดล้อมใหม่ และกติกาที่ไม่คุ้นชิน ซึ่งเป็นธรรมชาติที่ควรได้รับความเข้าใจ ไม่ใช่การตำหนิ
ความมั่นใจเริ่มจากความปลอดภัย พื้นฐานของความมั่นใจในเด็กคือความรู้สึกปลอดภัย พ่อแม่สามารถสร้างความรู้สึกนี้ได้ด้วยการอยู่ข้างลูกอย่างสม่ำเสมอ ตอบคำถามซ้ำ ๆ อย่างใจเย็น และไม่เร่งรัดเมื่อเด็กแสดงอาการกลัว
พูดคุยเชิงบวกเกี่ยวกับโรงเรียน หลีกเลี่ยงการพูดขู่ เช่น ไม่ไปโรงเรียนเดี๋ยวแม่ไม่รัก เปลี่ยนเป็นการเล่าเรื่องสนุก ๆ เกี่ยวกับการเรียน เช่น ที่โรงเรียนจะมีเพื่อนเล่นเยอะเลย หรือ คุณครูใจดีมากเลยนะ เพื่อให้ภาพจำของเด็กเกี่ยวกับโรงเรียนเป็นเรื่องบวก
เล่นสมมติสถานการณ์โรงเรียน ลองเล่นบทบาทสมมติให้ลูกสวมบทนักเรียน และพ่อแม่เป็นครูหรือเพื่อน ช่วยให้เด็กเข้าใจสิ่งที่จะเจอในโรงเรียนล่วงหน้า เช่น การทักทาย การรอคิว การเข้าห้องน้ำ
ให้ลูกเลือกของใช้เอง ให้ลูกได้เลือกกระเป๋า ดินสอ หรือกล่องข้าวเอง จะทำให้เขารู้สึกภูมิใจและอยากใช้สิ่งของเหล่านั้นที่โรงเรียน เป็นวิธีเล็ก ๆ ที่ช่วยปลูกความมั่นใจในตัวเขาเองได้ดีมาก
ฝึกกิจวัตรก่อนวันเปิดเรียน เริ่มปรับเวลานอน ตื่น และเตรียมตัวตั้งแต่ 12 สัปดาห์ก่อนเปิดเรียนจริง การมี routine ช่วยให้เด็กรู้สึกคุ้นชินและลดความตื่นเต้นเมื่อถึงวันจริง
ใช้การสื่อสารด้วยภาพหรือเรื่องเล่า หากลูกไม่เข้าใจการพูดคุยเรื่องโรงเรียน ลองใช้หนังสือนิทาน ภาพการ์ตูน หรือคลิปวิดีโอที่แสดงถึงกิจวัตรที่โรงเรียนให้เขาดู จะช่วยให้เขาเห็นภาพและเข้าใจมากขึ้น
รับฟังโดยไม่ตัดสิน หากลูกพูดว่า หนูไม่อยากไปโรงเรียน อย่าเพิ่งรีบบอกว่า ไม่เป็นไรหรอก ให้ถามกลับด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เช่น อะไรที่ลูกกลัวเหรอ หรือ แม่ฟังอยู่นะ เล่าให้แม่ฟังหน่อยได้ไหม
สร้างบทสนทนาเพื่อเตรียมใจ ทุกคืนก่อนนอน ลองพูดคุยกับลูกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นพรุ่งนี้ เช่น พรุ่งนี้หนูจะได้เล่นบล็อกไม้กับเพื่อนใหม่ไหมนะ ช่วยให้เด็กมีภาพในใจและเตรียมพร้อมอารมณ์
พาลูกไปดูโรงเรียนล่วงหน้า หากเป็นไปได้ พาไปเดินดูรอบโรงเรียน ลองเดินทางไปให้เด็กได้เห็นทาง ได้เข้าไปดูห้องเรียน สนามเด็กเล่น เพื่อสร้างความคุ้นเคย
จัดสิ่งแวดล้อมที่บ้านให้ส่งเสริม มีมุมอ่านหนังสือ มุมฝึกการจัดกระเป๋า หรือสติ๊กเกอร์ให้กำลังใจ ติดตารางเวลาเล็ก ๆ ที่เข้าใจง่าย เพื่อเสริมความรู้สึกว่าเขากำลังเตรียมตัวเป็นนักเรียนอย่างภาคภูมิ
สอนให้ลูกรู้ว่าความกลัวไม่ใช่เรื่องผิด ความกลัวไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่เป็นสัญญาณว่าเรากำลังทำสิ่งใหม่ พ่อแม่ควรสอนให้เด็กรู้ว่าการกลัวคือเรื่องธรรมดา และเขาสามารถก้าวผ่านมันได้
ใช้คำพูดที่ส่งเสริมศักยภาพ เช่น แม่เชื่อว่าหนูทำได้ หนูเก่งขึ้นทุกวันเลยนะ หรือ พรุ่งนี้จะเป็นอีกวันที่หนูได้ลองสิ่งใหม่ ช่วยสร้างภาพลักษณ์เชิงบวกในตัวเอง
เชื่อมโยงเรื่องเรียนกับความใฝ่ฝัน หากลูกชอบวาดรูป ลองพูดว่า ถ้าหนูเรียนเก่งขึ้น หนูจะได้วาดรูปเก่ง ๆ เหมือนนักวาดนะ เพื่อให้การเรียนเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่เขารัก
สร้างความมั่นใจผ่านความสำเร็จเล็ก ๆ เช่น ฝึกให้ลูกบอกชื่อ-สกุลตัวเอง ฝึกหิ้วกระเป๋าเอง เปิดกล่องข้าวเอง หรือกางร่มเอง เมื่อลูกทำสำเร็จแล้วได้รับคำชม จะรู้สึกว่า ฉันทำได้ และพร้อมทำสิ่งที่ยากขึ้นในอนาคต
สื่อสารกับคุณครูตั้งแต่วันแรก แจ้งครูถึงลักษณะพิเศษของลูก เช่น เป็นคนเงียบ ชอบฟังเพลง ชอบวาดรูป เพื่อให้ครูช่วยส่งเสริมจุดแข็ง และเข้าใจอารมณ์ของเด็กมากขึ้น
สร้างระบบให้กำลังใจ ให้ลูกสะสมสติ๊กเกอร์กำลังใจเมื่อกล้าเข้าโรงเรียน พูดกับเพื่อน หรือยกมือในห้อง แล้วแลกรางวัลเล็ก ๆ ที่เขาชอบ เช่น เล่านิทานเพิ่ม หรือเลือกขนมมื้อเย็น
เชื่อมั่นในกระบวนการ ไม่ใช่ทุกเด็กจะปรับตัวได้ใน 3 วัน อาจใช้เวลาหลายสัปดาห์ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ พ่อแม่ต้องมั่นคง ใจเย็น และให้เวลากับลูก
อย่าเปรียบเทียบลูกกับเด็กคนอื่น คำพูดเช่น ทำไมเพื่อนเขาไปโรงเรียนได้ ไม่ร้องไห้เลย อาจทำร้ายความมั่นใจลูกได้ ควรเปรียบเทียบลูกกับตัวเขาเอง เช่น วันนี้หนูกล้าลากกระเป๋าเองแล้วนะ ดีมากเลย
ความรักคือพื้นฐานของความมั่นใจ ท้ายที่สุด เด็กทุกคนจะรู้สึกมั่นใจได้ เมื่อเขารู้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พ่อแม่จะอยู่ข้างเขาเสมอ ความมั่นคงทางใจคือของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่พ่อแม่มอบให้ได้
การสร้างความมั่นใจให้ลูกช่วงเริ่มเรียนไม่ใช่เรื่องยาก หากพ่อแม่ใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ ทั้งการเตรียมตัวเชิงกายภาพ และความเข้าใจทางอารมณ์ ทุกคำพูด ความใส่ใจ และการส่งเสริมอย่างสม่ำเสมอ จะหล่อหลอมให้ลูกกล้าเผชิญโลกใหม่ด้วยรอยยิ้มและหัวใจที่มั่นคง
Tags :
บทความที่เกี่ยวข้อง
การสร้างแรงจูงใจในเด็กไม่ใช่เพียงการชมเชยหรือให้รางวัลเท่านั้น แต่ต้องเริ่มจากการจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อความสำเร็จ หนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยส่งเสริมแรงจูงใจและความรับผิดชอบของเด็กได้อย่างคาดไม่ถึงคือ “กระเป๋าล้อลาก” เพราะช่วยให้เด็กจัดการของใช้เองได้ง่ายขึ้น รู้สึกภูมิใจ และอยากทำกิจวัตรต่าง ๆ ด้วยตัวเองมากขึ้น บทความนี้จะพาไปรู้ว่าเหตุใดกระเป๋าล้อลากจึงช่วยจุดไฟในการเรียนรู้และสร้างแรงผลักดันให้เด็กได้จริง
12 ธ.ค. 2025
เด็กจำนวนมากต้องแบกกระเป๋าที่หนักเกินวัย ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดอาการปวดหลัง ไหล่ล้า และท่าทางผิดปกติในระยะยาว กระเป๋าล้อลากจึงกลายเป็นตัวช่วยสำคัญที่ลดแรงกดบนร่างกายเด็ก พร้อมช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางกาย และลดความเสี่ยงของปัญหากล้ามเนื้อในอนาคต บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจประโยชน์ด้านสุขภาพที่แท้จริงจากกระเป๋าล้อลาก
10 ธ.ค. 2025
สำหรับเด็กทุกคน การไปโรงเรียนไม่ได้หมายถึงแค่การเรียนหนังสือ แต่คือ “การเดินทางครั้งแรกของชีวิตจริง” การเข้าสังคมใหม่ การรับผิดชอบต่อของใช้ของตัวเอง การเรียนรู้เวลาตารางเรียน และการสร้างตัวตน นี่คือช่วงเวลาที่ปั้นอนาคตของเขาอย่างแท้จริง และหนึ่งในสิ่งที่ผู้ปกครองอาจมองข้ามไปคือ “กระเป๋านักเรียน” — อุปกรณ์ชิ้นหนึ่งที่ดูเหมือนธรรมดา แต่มีผลอย่างลึกซึ้งต่ออารมณ์ ความมั่นใจ และความพร้อมในการเรียนรู้ของเด็กอย่างไม่น่าเชื่อ
4 ธ.ค. 2025












